สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย (TAPMA) บอกว่าปี 2024 สัดส่วนการส่งออกยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย คิดเป็น 12% ของ GDP ประเทศ โดยมูลค่าการส่งออกมากกว่า 1.02 ล้านล้านบาท และกำลังการผลิตมากกว่า 1.9 ล้านคันต่อปี
สุพจน์ สุขพิศาล รองเลขาธิการ TAPMA บอกว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติด Top 10 ของโลก เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ผู้ผลิตไทยปรับตัวตามแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ รวมทั้งแรงงานมีทักษะสูง
โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ และมีผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนยานยนต์กว่า 1,686 ราย แบ่งเป็น
ส่วนตลาดรถ EV คาดว่าปี 2024 ยอดขายรถ BEV ในไทยจะสูงกว่า 100,000 คัน โดยมีจีนเป็นผู้ประกอบการรถ EV รายหลัก และมีหลายค่ายที่ตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, NETA, GWM
เสวก ประกิจฤทธานนท์ อุปนายกฝ่ายพัฒนาการส่งออก TAPMA บอกว่า ไทยมีโอกาสในการเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ EV ในอาเซียนสูง เนื่องจาก EV มีอัตราการเติบโตที่เร็ว โดยเฉพาะรถยนต์แบรนด์จีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย รวมมทั้งอัตราการยอมรับการใช้รถ EV ของไทยที่ค่อนข้างสูงเมื่อเมียบกับในอาเซียน
โดยภายในปี 2030 คาดว่ารถ EV จะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย ซึ่งนโยบาย Japan First จากรัฐบาลคาดจะช่วยผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทย และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันสมัย
นอกจากนี้ เมื่อยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ EV และยานยนต์อัจฉริยะ TAPMA บอกว่า SMEs ไทยต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เช่น ชิ้นส่วนสำหรับรถ EV, ระบบแบตเตอรี่, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ, หรือแม้แต่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาและแข่งขันในระดับสากลได้
เพราะคำว่า Future Mobility หรืออนาคตแห่งยานยนต์ไม่ได้หมายถึงแค่รถ EV เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ EV, ยานยนต์ไฮบริด (HEV, PHEV), ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) และเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Vehicles)
Topics:
Thailand
Electric Car
Electric Vehicles
Autonomous
Continue reading...
สุพจน์ สุขพิศาล รองเลขาธิการ TAPMA บอกว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และติด Top 10 ของโลก เนื่องจากมีซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง ผู้ผลิตไทยปรับตัวตามแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ รวมทั้งแรงงานมีทักษะสูง
โดยประเทศไทยเป็นฐานการผลิตของค่ายรถยนต์ระดับโลกกว่า 30 แบรนด์ และมีผู้ผลิตชิ้นส่วนส่วนยานยนต์กว่า 1,686 ราย แบ่งเป็น
- ผู้ผลิตชิ้นส่วนชั้นนำ (Tier 1) ประมาณ 476 ราย
- ผู้ผลิตชิ้นส่วนสนับสนุน (Tier 2-3) กว่า 1,210 ราย
ส่วนตลาดรถ EV คาดว่าปี 2024 ยอดขายรถ BEV ในไทยจะสูงกว่า 100,000 คัน โดยมีจีนเป็นผู้ประกอบการรถ EV รายหลัก และมีหลายค่ายที่ตั้งฐานการผลิตในไทย เช่น BYD, NETA, GWM
เสวก ประกิจฤทธานนท์ อุปนายกฝ่ายพัฒนาการส่งออก TAPMA บอกว่า ไทยมีโอกาสในการเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ EV ในอาเซียนสูง เนื่องจาก EV มีอัตราการเติบโตที่เร็ว โดยเฉพาะรถยนต์แบรนด์จีนที่เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทย รวมมทั้งอัตราการยอมรับการใช้รถ EV ของไทยที่ค่อนข้างสูงเมื่อเมียบกับในอาเซียน
โดยภายในปี 2030 คาดว่ารถ EV จะมีสัดส่วน 30% ของการผลิตรถยนต์ในไทย ซึ่งนโยบาย Japan First จากรัฐบาลคาดจะช่วยผลักดันการลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งเสริมการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในไทย และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันสมัย
นอกจากนี้ เมื่อยานยนต์ไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคของ EV และยานยนต์อัจฉริยะ TAPMA บอกว่า SMEs ไทยต้องปรับตัวเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต เช่น ชิ้นส่วนสำหรับรถ EV, ระบบแบตเตอรี่, เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ, หรือแม้แต่ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาและแข่งขันในระดับสากลได้
เพราะคำว่า Future Mobility หรืออนาคตแห่งยานยนต์ไม่ได้หมายถึงแค่รถ EV เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความก้าวหน้าในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ยานยนต์ EV, ยานยนต์ไฮบริด (HEV, PHEV), ระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) และเทคโนโลยีเชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Vehicles)
Topics:
Thailand
Electric Car
Electric Vehicles
Autonomous
Continue reading...