- เข้าร่วม
- 1 มิถุนายน 2011
- ข้อความ
- 11,238
- คะแนนปฏิกิริยา
- 0
- คะแนน
- 0
เมื่อวานนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดงาน Coffee Hour at BOT เปิดให้สื่อมวลชนถามถึงความคืบหน้าของการแก้ปัญหาภัยทุจริตทางการเงิน ในปีที่ผ่านมา โดยคุณรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน, คุณดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน, และคุณพีรจิต ปัทมสูต ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากที่เคยมีการแถลงข่าวก่อนหน้านี้
ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ เดือนมกราคมที่ผ่านมาไม่มีคดีแอปดูดเงิน (unauthorized payment fraud) เลยหลังจากคดีในกลุ่มนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงไม่กี่คดีในช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี คดีหลอกลวงแบบอื่นๆ ที่หลอกล่อให้เหยื่อโอนเงินออกไปด้วยตนเองยังมีอยู่ แต่มาตรการปราบปรามบัญชีม้าก็ทำให้คนร้ายเปลี่ยนพฤติกรรมไป จากเดิมมักกระจายเงินไปตามบัญชีม้าหลายๆ บัญชี อาจจะยาวถึง 5 ทอดก่อนออกจากระบบธนาคารในไทย ตอนนี้บัญชีม้าที่เป็นบัญชีธนาคารมักใช้เพียงทอดเดียวเท่านั้น และเงินส่วนมากออกไปยังบัญชีคริปโตทันที
ความเสียหายโดยรวมตอนนี้ 75% เป็นการโอนออกไปยังตลาดคริปโต โดยแทบทั้งหมดเป็นตลาดซื้อขายคริปโตในไทย ตอนนี้ข้อติดขัดคือกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้ากับตลาดคริปโตยังทำได้ลำบาก ต้องอาศัยตำรวจประสานงานผ่านกฎหมายป.วิอาญา แต่ในอนาคตจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เร็วขึ้น
กระบวนการจัดการบัญชีม้านั้นตอนนี้ บัญชีจำนวนหนึ่งถูกจับพฤติกรรมว่าเป็นบัญชีม้าโดนธนาคารเอง (ม้าน้ำตาล) โดยไม่ต้องรอให้มีการดำเนินคดี ธปท. แม้จะมีความเสี่ยงในการจับผิด (false positive) บ้างแต่ธนาคารก็มักจะปลดให้โดยง่าย เพราะคนร้ายหรือบัญชีม้าของจริงนั้นเมื่อถูกจับว่าเป็นบัญชีม้าแล้วก็มักจะทิ้งบัญชีไปเลย อย่างไรก็ดีในกรณีที่มีความผิดพลาดในการแจ้งความจากตำรวจหรือระดับปปง. นั้นต้องให้หน่วยงานที่แจ้งรายชื่อเป็นผู้แก้ไข สำหรับผู้ที่เป็นบัญชีม้าจริง เมื่อกลับมาเปิดบัญชีตอนนี้ก็จะเปิดได้เพียงธนาคารเดียวเท่านั้น
ที่มา - Coffee Hour at BOT
Topics:
Bank of Thailand
Continue reading...
ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ เดือนมกราคมที่ผ่านมาไม่มีคดีแอปดูดเงิน (unauthorized payment fraud) เลยหลังจากคดีในกลุ่มนี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงไม่กี่คดีในช่วงปลายปี 2024 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี คดีหลอกลวงแบบอื่นๆ ที่หลอกล่อให้เหยื่อโอนเงินออกไปด้วยตนเองยังมีอยู่ แต่มาตรการปราบปรามบัญชีม้าก็ทำให้คนร้ายเปลี่ยนพฤติกรรมไป จากเดิมมักกระจายเงินไปตามบัญชีม้าหลายๆ บัญชี อาจจะยาวถึง 5 ทอดก่อนออกจากระบบธนาคารในไทย ตอนนี้บัญชีม้าที่เป็นบัญชีธนาคารมักใช้เพียงทอดเดียวเท่านั้น และเงินส่วนมากออกไปยังบัญชีคริปโตทันที
ความเสียหายโดยรวมตอนนี้ 75% เป็นการโอนออกไปยังตลาดคริปโต โดยแทบทั้งหมดเป็นตลาดซื้อขายคริปโตในไทย ตอนนี้ข้อติดขัดคือกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้ากับตลาดคริปโตยังทำได้ลำบาก ต้องอาศัยตำรวจประสานงานผ่านกฎหมายป.วิอาญา แต่ในอนาคตจะมีการปรับปรุงกฎหมายให้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้เร็วขึ้น
กระบวนการจัดการบัญชีม้านั้นตอนนี้ บัญชีจำนวนหนึ่งถูกจับพฤติกรรมว่าเป็นบัญชีม้าโดนธนาคารเอง (ม้าน้ำตาล) โดยไม่ต้องรอให้มีการดำเนินคดี ธปท. แม้จะมีความเสี่ยงในการจับผิด (false positive) บ้างแต่ธนาคารก็มักจะปลดให้โดยง่าย เพราะคนร้ายหรือบัญชีม้าของจริงนั้นเมื่อถูกจับว่าเป็นบัญชีม้าแล้วก็มักจะทิ้งบัญชีไปเลย อย่างไรก็ดีในกรณีที่มีความผิดพลาดในการแจ้งความจากตำรวจหรือระดับปปง. นั้นต้องให้หน่วยงานที่แจ้งรายชื่อเป็นผู้แก้ไข สำหรับผู้ที่เป็นบัญชีม้าจริง เมื่อกลับมาเปิดบัญชีตอนนี้ก็จะเปิดได้เพียงธนาคารเดียวเท่านั้น
ที่มา - Coffee Hour at BOT
Topics:
Bank of Thailand
Continue reading...