- เข้าร่วม
- 1 มิถุนายน 2011
- ข้อความ
- 9,390
- คะแนนปฏิกิริยา
- 0
- คะแนน
- 0
ต่อเนื่องจากข่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่าง OpenAI และไมโครซอฟท์ ที่เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญ เริ่มมีปัญหาขัดแย้งกันมากขึ้น The Wall Street Journal มีรายงานพิเศษเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองระหว่างสองบริษัท เรื่องจำนวนหุ้นและผลตอบแทนใหม่เมื่อ OpenAI ปรับโครงสร้างองค์กรสำเร็จ
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่แรกเมื่อก่อตั้ง OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทไม่แสวงหากำไร (Non-Profit) ใช้เงินนักลงทุนเพื่อเป้าหมายการสร้าง AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ต่อมาพบว่าต้องใช้เงินอีกมาก เลยตั้งบริษัทลูกสำหรับแสวงหากำไร (For-Profit) แบบจำกัดผลตอบแทนให้นักลงทุน แล้วรับเงินใหม่จากนักลงทุนรวมทั้งไมโครซอฟท์ผ่านบริษัทนี้ ทั้งหมดทำให้โครงสร้าง OpenAI เลยไม่เหมือนใคร
อย่างไรก็ตาม OpenAI มีแผนปรับโครงสร้างบริษัทใหม่อีกครั้ง เป็นผลจากการรับเงินเพิ่มทุนรอบล่าสุด 6,600 ล้านดอลลาร์ โดยมีข่าวว่าจะให้ส่วน For-Profit มีอิสระมากขึ้น เพิ่มผลตอบแทนดึงดูดนักลงทุน
รายงานข่าวบอกว่าทั้ง OpenAI และไมโครซอฟท์ ได้จ้างธนาคารที่ปรึกษาเพื่อประเมินว่า หลังการปรับโครงสร้างเน้น For-Profit ใหม่นี้ ไมโครซอฟท์ที่ลงทุนไปแล้วถึง 13,750 ล้านดอลลาร์ ควรได้หุ้นบริษัทใหม่กี่เปอร์เซ็นต์ และอำนาจกำกับดูแลของไมโครซอฟท์ควรมีมากแค่ไหน ตลอดจนหุ้นส่วนที่เป็น OpenAI Non-Profit ถืออยู่ และส่วนของพนักงานบริษัทด้วย โจทย์นี้ไม่มีคำตอบชัดเจนนัก เพราะโครงสร้างที่ไม่เหมือนใครของ OpenAI เอง (ดูเพิ่มเติมที่วิธีจ่ายผลตอบแทนท้ายข่าว) และมูลค่ากิจการที่สูงมากตอนนี้
OpenAI มีเวลา 2 ปี ในการปรับโครงสร้างบริษัทให้เป็น For-Profit มากขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการเพิ่มทุนรอบล่าสุด หากไม่สำเร็จผู้ลงทุนอาจขอเรียกเงินลงทุนขึ้นได้ เวลาจึงบีบ OpenAI ให้ต้องหาทางออกกับไมโครซอฟท์ให้ได้
ที่มา: The Wall Street Journal
The Wall Street Journal อ้างเอกสารภายใน ถึงวิธีคำนวณผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในส่วน For-Profit กับ Non-Profit ซึ่งวิธีการคิดผลตอบแทนที่ซับซ้อนนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญทำให้ไมโครซอฟท์ต้องประเมินมูลค่าและจำนวนหุ้นในบริษัทใหม่ที่ตกลงกันได้สองฝ่ายนั่นเอง
OpenAI
Microsoft
Stock
Investment
Continue reading...
เรื่องนี้ต้องย้อนไปตั้งแต่แรกเมื่อก่อตั้ง OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทไม่แสวงหากำไร (Non-Profit) ใช้เงินนักลงทุนเพื่อเป้าหมายการสร้าง AGI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ต่อมาพบว่าต้องใช้เงินอีกมาก เลยตั้งบริษัทลูกสำหรับแสวงหากำไร (For-Profit) แบบจำกัดผลตอบแทนให้นักลงทุน แล้วรับเงินใหม่จากนักลงทุนรวมทั้งไมโครซอฟท์ผ่านบริษัทนี้ ทั้งหมดทำให้โครงสร้าง OpenAI เลยไม่เหมือนใคร
- อ่านเพิ่มเติม: ทำความเข้าใจโครงสร้างของ OpenAI ที่ไม่เหมือน Tech Company ทั่วไป และอาจเป็นสาเหตุการไล่ออก Sam Altman
อย่างไรก็ตาม OpenAI มีแผนปรับโครงสร้างบริษัทใหม่อีกครั้ง เป็นผลจากการรับเงินเพิ่มทุนรอบล่าสุด 6,600 ล้านดอลลาร์ โดยมีข่าวว่าจะให้ส่วน For-Profit มีอิสระมากขึ้น เพิ่มผลตอบแทนดึงดูดนักลงทุน
รายงานข่าวบอกว่าทั้ง OpenAI และไมโครซอฟท์ ได้จ้างธนาคารที่ปรึกษาเพื่อประเมินว่า หลังการปรับโครงสร้างเน้น For-Profit ใหม่นี้ ไมโครซอฟท์ที่ลงทุนไปแล้วถึง 13,750 ล้านดอลลาร์ ควรได้หุ้นบริษัทใหม่กี่เปอร์เซ็นต์ และอำนาจกำกับดูแลของไมโครซอฟท์ควรมีมากแค่ไหน ตลอดจนหุ้นส่วนที่เป็น OpenAI Non-Profit ถืออยู่ และส่วนของพนักงานบริษัทด้วย โจทย์นี้ไม่มีคำตอบชัดเจนนัก เพราะโครงสร้างที่ไม่เหมือนใครของ OpenAI เอง (ดูเพิ่มเติมที่วิธีจ่ายผลตอบแทนท้ายข่าว) และมูลค่ากิจการที่สูงมากตอนนี้
OpenAI มีเวลา 2 ปี ในการปรับโครงสร้างบริษัทให้เป็น For-Profit มากขึ้น ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการเพิ่มทุนรอบล่าสุด หากไม่สำเร็จผู้ลงทุนอาจขอเรียกเงินลงทุนขึ้นได้ เวลาจึงบีบ OpenAI ให้ต้องหาทางออกกับไมโครซอฟท์ให้ได้
ที่มา: The Wall Street Journal
วิธีจ่ายผลตอบแทนในโครงสร้างเดิมของ OpenAI
The Wall Street Journal อ้างเอกสารภายใน ถึงวิธีคำนวณผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนในส่วน For-Profit กับ Non-Profit ซึ่งวิธีการคิดผลตอบแทนที่ซับซ้อนนี้ เป็นเงื่อนไขสำคัญทำให้ไมโครซอฟท์ต้องประเมินมูลค่าและจำนวนหุ้นในบริษัทใหม่ที่ตกลงกันได้สองฝ่ายนั่นเอง
- กำไรลำดับแรก 194 ล้านดอลลาร์ จ่ายคืนให้นักลงทุนรุ่นแรกก่อน (Khosla Ventures, Reid Hoffman ผู้ก่อตั้ง LinkedIn)
- กำไรส่วนถัดไป 17,300 ล้านดอลลาร์ จ่ายให้นักลงทุนชุดถัดมา ซึ่งรวมทั้งส่วนของไมโครซอฟท์ 13,000 ล้านดอลลาร์ ที่เหลือเป็นของพนักงานและนักลงทุนอื่น
- กำไรส่วนที่เกินจากสองข้อแรก จ่ายตามเปอร์เซ็นต์ของผู้ถือหุ้นที่ตกลงไว้ แต่หากเกินตัวเลขเพดานที่กำหนด ทั้งหมดจะปัดไปให้ Non-Profit ทั้งหมด
OpenAI
Microsoft
Stock
Investment
Continue reading...