Cybercab รถ Tesla ไร้คนขับสองประตูที่ Elon Musk เคยวาดฝันว่า นี่คือยานยนต์แห่งอนาคต ยุคของแท็กซี่ไร้คนขับที่ในเมืองจะเต็มไปด้วยรถไซเบอร์จิ๋วของ Tesla ผู้คนจะเรียกใช้ตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องมีรถเป็นของตัวเอง แถมเจ้าขอรถยังทำรายได้แบบไม่ต้องขับเองด้วย Tesla เพียงแค่ขอหักส่วนแบ่งจากทุก ๆ การใช้งานนิดหน่อย
แต่ ... มันอาจกลายเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ ที่เสี่ยงที่สุด และถึงขั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของ Elon Musk ก็ได้
หลังรายงานของ The Information และแหล่งข่าวอื่น ๆ บอกว่า ทีมงานภายใน Tesla ไม่ค่อยมั่นใจในโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และพอลองคำนวณตัวเลขต้นทุนออกมา พบว่ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ตลาดเล็กเกินไป ไม่คุ้มทุน
ปัญหาหลักคือ ตลาดเล็กเกินไป โดยเฉพาะสำหรับรถสไตล์นี้ แม้แต่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Tesla เอง เมื่อตัวเลขคาดการณ์บอกว่า ความต้องการรถไร้คนขับน่าจะไม่เกินปีละหนึ่งล้านคัน เพราะหลายคนยังอยากได้รถที่ขับเองได้ มีพวงมาลัย มีที่เก็บของ หรือใช้กับครอบครัวได้จริง ๆ
ส่วนตลาดต่างประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง เยอรมันกับจีนไม่น่าจะอนุมัติรถแบบนี้ได้ง่าย ๆ ส่วนอินเดียกับละตินอเมริกาก็ไม่น่าจะมีกำลังซื้อพอสำหรับรถยนต์ไร้คนขับราคาแพง
ทีมงานภายใน Tesla จึงสรุปว่า Cybercab อาจไม่คุ้มทุน และแทบไม่มีทางไปถึงฝันของ Musk ได้เลย
ยกเลิก Tesla รุ่นถูก - ล้มดีล Uber
แม้ทีม Tesla แทบจะงัดทุกอย่างออกมาเพื่อพิสูจน์ว่า Cybercab ไม่น่าเวิร์ค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Musk กลับตัดสินใจยกเลิกแผนผลิต Model 2 หรือ Tesla รุ่นราคาถูกที่คนรอคอยกันมานาน ซึ่งน่าจะขายได้เป็นล้าน ๆ คันทั่วโลก ตามที่ทีมบริหารและนักวิเคราะห์มอง เพราะมีตลาดชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้ Tesla ตีตลาดล่างได้แบบเต็มตัว
ด้าน Musk กลับไม่สน เขามองว่ารถ EV ธรรมดา มันไม่ตื่นเต้นพอ เขาเลือกจะเทหมดหน้าตักกับโปรเจกต์ Cybercab แทน บอกว่านี่คือ "ช่วงเวลาแบบ ChatGPT" ของ Tesla ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ จุดเปลี่ยนที่ AI จะเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในพริบตา
แต่ปัญหาคือ ทั้งแฟน ๆ และนักลงทุนก็ยังไม่ค่อยเชื่อ เห็นได้จากงาน We, Robot ที่จัดในฮอลลีวูด ทุกคนคิดว่าจะได้เห็นรถรุ่นถูกเปิดตัว แต่กลับเจอ Cybercab สีทองแวววาว, รถ Robovan สุดประหลาด, และหุ่นยนต์ Optimus ที่ยังขยับแขนแทบไม่ได้ ทำให้หุ้น Tesla ตกทันที 8% ในวันต่อมา
นอกจากนี้ Musk ยังล้มดีลกับ Uber ที่เคยเสนอจะพัฒนาระบบเรียกรถให้กับ Cybercab ซึ่งน่าจะช่วยให้การเปิดตัวรวดเร็วขึ้นมาก แต่ Musk ปฏิเสธ เพราะไม่อยากแบ่งรายได้กับ Uber
ทำให้ตอนนี้ Tesla ต้องแข่งกับ Uber, Lyft, และ Waymo ที่มีระบบแท็กซี่ไร้คนขับใช้งานจริงแล้วในหลายเมือง ถึงแม้ Tesla กำลังจะเปิดให้บริการในออสติน แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย แถมไม่มีความได้เปรียบเรื่องเทคโนโลยีแบบชัดเจน ไหนจะปัญหาเรื่องภาษีนำเข้า และความท้าทายในการผลิตอีก
ทุ่มหมดตัวกับโอกาสที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Rohan Patel อดีตผู้บริหารออกมาให้ข้อมูลว่า Musk ได้รับคำเตือนจากหลายฝ่ายแล้วว่าตลาดยังไม่พร้อม เทคโนโลยีก็ยังไม่สมบูรณ์ ความต้องการยังไม่เกิดจริง แต่ Musk ก็ยังดันทุรังเดินหน้าต่อ
เขาเชื่อว่ารถยนต์จะไม่ใช่อนาคตของ Tesla อีกต่อไป กลับมองว่าธุรกิจหลักในอนาคตจะเป็น AI และหุ่นยนต์ โดยเฉพาะ Optimus ที่เขาเชื่อว่าสามารถขายได้ปีละ 100 ล้านตัว หรือมากกว่ารถทั่วโลกสองเท่า และทำกำไรให้ Tesla ได้ปีละล้านล้านดอลลาร์ฯ มันคือ Musk เวอร์ชันคลาสสิก
นักวิเคราะห์มองว่า Musk ได้ทิ้งโอกาสทองไป หลัง Tesla รุ่นราคาถูกไม่มีวี่แววจะมา ในขณะที่จีนกำลังส่ง EV ราคาถูกออกสู่ตลาดโลกแบบรวดเร็ว ทีมบริหาร Tesla ลาออกกันเป็นแถว อัตรากำไรก็เริ่มหด และธุรกิจหลักของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า กลับถูกบดบังด้วยความฝันที่เสี่ยง และยังไม่ใกล้ความจริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนสงสัยในตัว Elon Musk เขาเคยพลิกเกมได้มาหลายรอบ ตั้งแต่จรวด รถยนต์ ไปจนถึง AI แต่ Cybercab ครั้งนี้ มันต่างออกไป ตลาดยังไม่พร้อม ผลิตภัณฑ์ก็เฉพาะกลุ่ม แผนงานก็ยังไม่ชัดเจน
ซึ่งถ้ามันเวิร์ก นี่จะเป็นอีกหนึ่งในตำนานเห็นไหมล่ะ ของ Musk แต่ถ้ามันพัง Tesla อาจต้องมองย้อนกลับมาดูโอกาสที่หลุดมือไป กับอนาคตที่อาจสร้างขึ้นจากความหวัง มากกว่าความเป็นจริง
ที่มา: The Verge, Futurism, Fortune, Teslarati, และ Sherwood News
Topics:
Elon Musk
Tesla
Robotaxi
Continue reading...
แต่ ... มันอาจกลายเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ ที่เสี่ยงที่สุด และถึงขั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของ Elon Musk ก็ได้
หลังรายงานของ The Information และแหล่งข่าวอื่น ๆ บอกว่า ทีมงานภายใน Tesla ไม่ค่อยมั่นใจในโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว และพอลองคำนวณตัวเลขต้นทุนออกมา พบว่ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
ตลาดเล็กเกินไป ไม่คุ้มทุน
ปัญหาหลักคือ ตลาดเล็กเกินไป โดยเฉพาะสำหรับรถสไตล์นี้ แม้แต่ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ Tesla เอง เมื่อตัวเลขคาดการณ์บอกว่า ความต้องการรถไร้คนขับน่าจะไม่เกินปีละหนึ่งล้านคัน เพราะหลายคนยังอยากได้รถที่ขับเองได้ มีพวงมาลัย มีที่เก็บของ หรือใช้กับครอบครัวได้จริง ๆ
ส่วนตลาดต่างประเทศยิ่งไม่ต้องพูดถึง เยอรมันกับจีนไม่น่าจะอนุมัติรถแบบนี้ได้ง่าย ๆ ส่วนอินเดียกับละตินอเมริกาก็ไม่น่าจะมีกำลังซื้อพอสำหรับรถยนต์ไร้คนขับราคาแพง
ทีมงานภายใน Tesla จึงสรุปว่า Cybercab อาจไม่คุ้มทุน และแทบไม่มีทางไปถึงฝันของ Musk ได้เลย
ยกเลิก Tesla รุ่นถูก - ล้มดีล Uber
แม้ทีม Tesla แทบจะงัดทุกอย่างออกมาเพื่อพิสูจน์ว่า Cybercab ไม่น่าเวิร์ค แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ Musk กลับตัดสินใจยกเลิกแผนผลิต Model 2 หรือ Tesla รุ่นราคาถูกที่คนรอคอยกันมานาน ซึ่งน่าจะขายได้เป็นล้าน ๆ คันทั่วโลก ตามที่ทีมบริหารและนักวิเคราะห์มอง เพราะมีตลาดชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้ Tesla ตีตลาดล่างได้แบบเต็มตัว
ด้าน Musk กลับไม่สน เขามองว่ารถ EV ธรรมดา มันไม่ตื่นเต้นพอ เขาเลือกจะเทหมดหน้าตักกับโปรเจกต์ Cybercab แทน บอกว่านี่คือ "ช่วงเวลาแบบ ChatGPT" ของ Tesla ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ จุดเปลี่ยนที่ AI จะเข้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในพริบตา
แต่ปัญหาคือ ทั้งแฟน ๆ และนักลงทุนก็ยังไม่ค่อยเชื่อ เห็นได้จากงาน We, Robot ที่จัดในฮอลลีวูด ทุกคนคิดว่าจะได้เห็นรถรุ่นถูกเปิดตัว แต่กลับเจอ Cybercab สีทองแวววาว, รถ Robovan สุดประหลาด, และหุ่นยนต์ Optimus ที่ยังขยับแขนแทบไม่ได้ ทำให้หุ้น Tesla ตกทันที 8% ในวันต่อมา
นอกจากนี้ Musk ยังล้มดีลกับ Uber ที่เคยเสนอจะพัฒนาระบบเรียกรถให้กับ Cybercab ซึ่งน่าจะช่วยให้การเปิดตัวรวดเร็วขึ้นมาก แต่ Musk ปฏิเสธ เพราะไม่อยากแบ่งรายได้กับ Uber
ทำให้ตอนนี้ Tesla ต้องแข่งกับ Uber, Lyft, และ Waymo ที่มีระบบแท็กซี่ไร้คนขับใช้งานจริงแล้วในหลายเมือง ถึงแม้ Tesla กำลังจะเปิดให้บริการในออสติน แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย แถมไม่มีความได้เปรียบเรื่องเทคโนโลยีแบบชัดเจน ไหนจะปัญหาเรื่องภาษีนำเข้า และความท้าทายในการผลิตอีก
ทุ่มหมดตัวกับโอกาสที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
Rohan Patel อดีตผู้บริหารออกมาให้ข้อมูลว่า Musk ได้รับคำเตือนจากหลายฝ่ายแล้วว่าตลาดยังไม่พร้อม เทคโนโลยีก็ยังไม่สมบูรณ์ ความต้องการยังไม่เกิดจริง แต่ Musk ก็ยังดันทุรังเดินหน้าต่อ
เขาเชื่อว่ารถยนต์จะไม่ใช่อนาคตของ Tesla อีกต่อไป กลับมองว่าธุรกิจหลักในอนาคตจะเป็น AI และหุ่นยนต์ โดยเฉพาะ Optimus ที่เขาเชื่อว่าสามารถขายได้ปีละ 100 ล้านตัว หรือมากกว่ารถทั่วโลกสองเท่า และทำกำไรให้ Tesla ได้ปีละล้านล้านดอลลาร์ฯ มันคือ Musk เวอร์ชันคลาสสิก
นักวิเคราะห์มองว่า Musk ได้ทิ้งโอกาสทองไป หลัง Tesla รุ่นราคาถูกไม่มีวี่แววจะมา ในขณะที่จีนกำลังส่ง EV ราคาถูกออกสู่ตลาดโลกแบบรวดเร็ว ทีมบริหาร Tesla ลาออกกันเป็นแถว อัตรากำไรก็เริ่มหด และธุรกิจหลักของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า กลับถูกบดบังด้วยความฝันที่เสี่ยง และยังไม่ใกล้ความจริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คนสงสัยในตัว Elon Musk เขาเคยพลิกเกมได้มาหลายรอบ ตั้งแต่จรวด รถยนต์ ไปจนถึง AI แต่ Cybercab ครั้งนี้ มันต่างออกไป ตลาดยังไม่พร้อม ผลิตภัณฑ์ก็เฉพาะกลุ่ม แผนงานก็ยังไม่ชัดเจน
ซึ่งถ้ามันเวิร์ก นี่จะเป็นอีกหนึ่งในตำนานเห็นไหมล่ะ ของ Musk แต่ถ้ามันพัง Tesla อาจต้องมองย้อนกลับมาดูโอกาสที่หลุดมือไป กับอนาคตที่อาจสร้างขึ้นจากความหวัง มากกว่าความเป็นจริง
ที่มา: The Verge, Futurism, Fortune, Teslarati, และ Sherwood News
Topics:
Elon Musk
Tesla
Robotaxi
Continue reading...